วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2559

หาคำตอบ!!!เทคนิคการปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้ แบบมืออาชีพที่พิษณุโลก





ใครๆ ก็รู้ว่า จังหวัดพิษณุโลก เป็นแหล่งผลิตมะม่วงที่ใหญ่ที่สุดของภาคเหนือ และเป็นหนึ่งในทำเลทองของการปลูกมะม่วงส่งออกที่สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ ไม่ต่ำกว่าปีละ 1,000 ล้านบาท ปัจจุบัน แหล่งปลูกมะม่วงที่สำคัญของจังหวัดพิษณุโลกกระจายอยู่ในพื้นที่อำเภอวังทอง เนินมะปราง และวัดโบสถ์ มีเนื้อที่ปลูกมะม่วงไม่ต่ำกว่า 62,030 ไร่ สามารถผลิตมะม่วงได้มากกว่าปีละ 44,000 ตัน ส่วนใหญ่เป็นมะม่วงกินสุกที่นิยมในตลาดส่งออก เช่น น้ำดอกไม้สีทอง น้ำดอกไม้ เบอร์ 4 โชคอนันต์ รวมทั้งมะม่วงกินดิบ เช่น เขียวเสวย ฟ้าลั่น เพชรบ้านลาด ฯลฯ

สร้างชุมชนสวนมะม่วง ที่เข้มแข็งในจังหวัดพิษณุโลก

ปัจจุบัน กลุ่มผู้ปลูกมะม่วงของจังหวัดพิษณุโลกจำนวนมากได้ร่วมมือร่วมใจ ภายใต้ชื่อ “กลุ่มวิสาหกิจชุมชน” เพื่อพัฒนาการผลิตและการส่งออกมะม่วง ทุกวันนี้พวกเขาเชื่อมโยงเครือข่ายทางธุรกิจกับบริษัทผู้รับซื้อโดยตรง ทำให้สามารถกำหนดราคาซื้อขายได้อย่างยุติธรรม เป็นที่พึงพอใจของทุกฝ่าย สำหรับวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกมะม่วงที่มีชื่อเสียงเป็นรู้จักกันดี ได้แก่ 

กลุ่มวิสาหกิจชุมชนปรับปรุงคุณภาพมะม่วงส่งออกตำบลพันชาลี หมู่ที่ 16 ตำบลพันชาลี อำเภอวังทอง ที่มีเนื้อที่ปลูกมะม่วงรวมกันกว่า 2,500 ไร่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกมะม่วงส่งออกบ้านหนองหิน หมู่ที่ 11 ตำบลพันชาลี อำเภอวังทอง มีพื้นที่ปลูกกว่า 3,500 ไร่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนส่งเสริมปรับปรุงคุณภาพมะม่วงส่งออกบ้านหนองไม้ยางดำ หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก อำเภอเนินมะปราง มีพื้นที่ปลูก 1,500 ไร่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกไม้ผลตำบลหินลาด หมู่ที่ 7 ตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ มีพื้นที่ปลูก 1,000 ไร่ ชมรมผู้ปลูกมะม่วงอำเภอเนินมะปราง หมู่ที่ 4 ตำบลเนินมะปราง อำเภอเนินมะปราง มีพื้นที่ปลูก 2,500 ไร่

คุณบัญญัติ ชาญฟั่น ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกมะม่วงส่งออกบ้านหนองหิน หมู่ที่ 11 ตำบลพันชาลี อำเภอวังทอง โทร. (089) 532-2255 เล่าให้ฟังว่า แต่เดิมเกษตรกรปลูกพืชล้มลุก เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง อ้อย แต่ราคาไม่แน่นอน ในปี 2544 เกษตรกรเริ่มหันมาปลูกมะม่วงกันและขายได้ราคา ทางสำนักงานเกษตรอำเภอวังทองได้ส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่ม ในชื่อ “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกมะม่วงส่งออกบ้านหนองหิน” โดยถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตควบคู่ไปกับการปรับปรุงพัฒนาคุณภาพ พร้อมกับสนับสนุนการรวมกลุ่มเพื่อสร้างความเข้มแข็งและประสานงานกับผู้ส่งออก 
ทางกลุ่มมีพื้นที่ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองส่งออกมากกว่า 3,800 ไร่ ในปี 2550-2552 สามารถส่งออกได้ปีละ 1,200 ตัน ปัจจุบัน มีผลผลิตส่งออกมากกว่า 3,000 ตัน ด้านการดำเนินงาน มีคณะกรรมการด้านการควบคุมการผลิตการตลาดและกองทุน สมาชิกมีการฝากออมทรัพย์อย่างต่อเนื่องทุกคน มีบริการให้สมาชิกกู้ยืมเงิน จัดประชุมเป็นประจําเดือน วันที่ 10 ของทุกเดือน

นอกจากนี้ ทางกลุ่มยังได้สร้างเครือข่ายกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกมะม่วงเพื่อการส่งออก 1. กลุ่มไม้ผลตําบลหินลาด อําเภอวัดโบสถ์ 2. กลุ่มผู้ปลูกมะม่วงบ้านหนองปรือ ตำบลบ้านกลาง อำเภอวังทอง 3. กลุ่มผู้ปลูกมะม่วงบ้านแก่งโสภา ตำบลแก่งโสภา อำเภอวังทอง 4. กลุ่มผู้ปลูกมะม่วงบ้านชัยนาม ตำบลชัยนาม อำเภอวังทอง ปีที่ผ่านมา สามารถรวบรวมมะม่วงส่งออก เป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท

วิสาหกิจชุมชน กลุ่มมะม่วงส่งออก ตำบลชัยนาม

ปี 57 กลุ่มผู้ปลูกมะม่วงบ้านชัยนาม ได้ยกฐานะเป็น “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มมะม่วงส่งออกตำบลชัยนาม” ตั้งอยู่ เลขที่ 205 หมู่ที่ 9 ตำบลชัยนาม อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก โทร. (086) 201-7269 หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ได้แก่ การจัดทําระบบบัญชีกลุ่มวิสาหกิจชุมชน การจัดทําระบบควบคุมสินค้า ให้มีความถูกต้องและสมบูรณ์ การจัดทําฐานข้อมูล ทะเบียนการปลูกมะม่วง การจัดทําระบบบัญชีกลุ่ม บัญชีครัวเรือนให้ถูกต้อง รวมทั้งความรู้ด้านการตลาดและการส่งออก ฯลฯ

คุณบัญญัติ บอกว่า ปัจจุบัน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกมะม่วงส่งออกบ้านหนองหิน ทำหน้าที่เสมือนโบรกเกอร์ รวบรวมผลผลิตส่งขายให้แก่บริษัทผู้ส่งออกหลายราย ทุกวันนี้ความต้องการสินค้าแต่ละตลาดไม่เหมือนกัน สินค้าเกรดเอ ชาวสวนขายได้กิโลกรัมละ 100 กว่าบาท เป็นที่ต้องการของตลาดเกาหลี ที่นิยมมะม่วงผิวสวยไซซ์ใหญ่ ขณะที่ตลาดรัสเซียต้องการบริโภคมะม่วงไซซ์เล็ก ส่วนมะม่วงเกรดรอง ส่งออกไปขายตลาดสิงคโปร์

สำหรับวิสาหกิจชุมชนกลุ่มมะม่วงส่งออกตำบลชัยนาม นับเป็นเครือข่าย อันดับที่ 4 ในการรวบรวมมะม่วงส่งออกของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกมะม่วงส่งออกบ้านหนองหิน สินค้าหลักของชุมชนแห่งนี้คือ มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองและมะม่วงน้ำดอกไม้ เบอร์ 4 ซึ่งตลาดส่งออกมีความต้องการเป็นจำนวนมาก เพราะมะม่วงชนิดนี้ได้เปรียบคู่แข่งขันในเรื่องรสชาติความอร่อย แถมราคาก็โดดเด่นกว่าคู่แข่งขันในตลาดเดียวกัน 

เมื่อก่อนตลาดลูกค้าหลักคือ ญี่ปุ่น ระยะหลังมีการขยายตลาดใหม่ๆ ซึ่งผู้ซื้อต่างประเทศได้ให้การยอมรับสินค้ามะม่วงไทยมากขึ้น เช่น เกาหลี และประเทศในกลุ่มยุโรป ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงมีรายได้ที่ดีขึ้น รวมทั้งขายสินค้าได้ในราคาที่สูงขึ้น ราคาสินค้ามะม่วงน้ำดอกไม้ เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2557 อยู่ที่กิโลกรัมละ 135 บาท   เดือนมกราคม 2558 ราคามะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง อยู่ที่กิโลกรัมละ 105 บาท หากหน่วยงานภาครัฐจะเข้ามาส่งเสริมเรื่องการปลูกมะม่วงในแหล่งอื่นๆ ก็ควรเน้นปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง โดยไม่ต้องห่วงว่าจะเกิดปัญหาผลผลิตล้นตลาด เนื่องจากมะม่วงที่ปลูกอยู่ทั่วประเทศจะมีผลผลิตเข้าสู่ตลาดไม่พร้อมกัน ในแต่ละปีแหล่งปลูกมะม่วงในโซนภาคใต้จะเก็บเกี่ยวได้เป็นที่แรก หลังจากนั้นแต่ละพื้นที่จะทยอยเก็บผลผลิตไปเรื่อยๆ ก่อนไปสิ้นสุดที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นแหล่งสุดท้าย 

สำหรับพื้นที่แห่งนี้สามารถเก็บผลผลิตได้เป็น 3 ครั้ง คือ ฤดูมะม่วง เริ่มเดือนมีนาคม-เมษายน โดยทั่วไปมะม่วงนอกฤดูของประจวบคีรีขันธ์จะเข้าสู่ตลาดเป็นแห่งแรก ตามด้วยจังหวัดพิษณุโลกเป็นอันดับสอง แต่เนื่องจากจังหวัดพิษณุโลกได้เปรียบในเรื่องสภาพภูมิอากาศ ที่นี่จึงสามารถผลิตมะม่วงนอกฤดูได้ต่อเนื่องถึง 6 เดือนเต็ม  โดยเริ่มเก็บผลผลิตตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป ขณะที่พื้นที่อื่นๆ เช่น เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ เก็บเกี่ยวมะม่วงนอกฤดูได้เพียง 2 เดือน เท่านั้น 

เทคนิคการจัดการ สวนมะม่วงส่งออก

ภายหลังการเก็บเกี่ยว เกษตรกรจะตัดแต่งกิ่ง ให้น้ำและปุ๋ย สูตร 15-15-15 ประมาณ 10-15 วัน เริ่มแทงช่อใบและนับออกไปอีกประมาณ 20 วัน จะเป็นใบเพสลาด เป็นช่วงที่เหมาะสมในการราดสารแพคโคลบิวทราโซลเพื่อกระตุ้นการออกดอก พร้อมกับให้ปุ๋ยทางใบช่วยดึงช่อดอก และต้องคอยระวังปัญหาเพลี้ยไฟ โรคและแมลงศัตรูมะม่วง

เมื่อผลมะม่วงมีขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว ต้องให้อาหารเสริม ประเภทแคลเซียม โพแทสเซียม สังกะสี สาหร่าย ฯลฯ เมื่อมะม่วงติดผล ขนาดไข่ไก่ หรือประมาณ 10-15 เซนติเมตร ก็จะห่อผลด้วยถุงคาร์บอน เพื่อป้องกันโรคแมลงและให้ผิวมะม่วงสีสวย หลังจากนั้น 40-45 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตมะม่วงจำหน่ายสู่ตลาด

คุณภาพผลผลิตที่ดี ต้องเริ่มจากการจัดการแปลงปลูกอย่างเหมาะสม จากที่เคยไปดูงานสวนมะม่วงในหลายพื้นที่ กล่าวได้ว่า แหล่งปลูกมะม่วงของที่นี่มีการดูแลจัดการที่ดีมาก เพราะเกษตรกรดูแลกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ ทำให้สภาพพื้นดินค่อนข้างโล่งเตียน ลดการสะสมของโรคพืชและแมลง จัดการแปลงได้ง่ายและมีต้นทุนต่ำ เพราะประหยัดค่าสารเคมี   
คุณบัญญัติ บอกว่า ประมาณเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ต้นมะม่วงที่ปลูกในย่านนี้จะเริ่มแตกกิ่งและผลิใบสม่ำเสมอ หากดูแลจัดการให้สภาพต้นโปร่ง สมบูรณ์พร้อมและสภาพอากาศถ่ายเทดี การทำมะม่วงนอกฤดูไม่ใช่เรื่องยาก แค่เกษตรกรมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการใช้สารเคมีที่จะช่วยบังคับให้ต้นมะม่วงออกช่อได้  โดยทั่วไป การผลิตมะม่วงนอกฤดูสามารถฝืนธรรมชาติได้ไม่เกิน 20% แม้สมาชิกวิสาหกิจชุมชนแห่งนี้ไม่ได้ปลูกในลักษณะสวนเกษตรอินทรีย์ แต่พวกเขาก็ใช้สารเคมีตามมาตรฐานข้อกำหนดของประเทศผู้นำเข้าแต่ละราย  ยกตัวอย่าง เช่น สินค้ามะม่วงที่นำเข้าประเทศญี่ปุ่น จะต้องมีสารไซเปอร์ตกค้างได้ไม่เกิน 0.01 พีพีเอ็ม เป็นต้น

ปัญหาภัยธรรมชาติ เป็นอุปสรรคสำคัญ

การส่งออกมะม่วงในปัจจุบัน มีปัญหาอุปสรรคจากภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถควบคุมได้ อย่างไรก็ตาม เกษตรกรก็พยายามดูแลป้องกันโดยติดตามสถานการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อวางแผนจัดการผลผลิตอย่างเหมาะสม เพื่อลดความสูญเสียให้น้อยที่สุด 

ระหว่างที่เดินชมสวนมะม่วง สังเกตเห็นมะม่วงหลายต้นที่มีปัญหาโรคผลแก้วหรือผลกะเทยบริเวณปลายๆ ช่อมะม่วง จุดเด่นที่สังเกตได้ง่ายของมะม่วงกะเทยก็คือ ผลมีร่องอกและแคระแกร็น ไม่โต บางครั้งอาจจะเหลืองร่วงตั้งแต่ยังเล็ก หรือถ้าโตขึ้นมาได้ขนาดก็จะไม่เกินครึ่งของผลปกติ และมักจะแตกง่าย สาเหตุหลักส่วนใหญ่เกิดจากดอกบานในช่วงสภาพอากาศไม่เหมาะสม เช่น อากาศหนาวหรือร้อนจนเกินไป มีฝนตก หรือสภาพอากาศแห้งเกินไป ทำให้การผสมเกสรไม่สมบูรณ์ ทำให้การสร้างเมล็ดไม่สมบูรณ์ เมล็ดจะไม่เต็มทรง ผลไม่โต และร่วงหล่นในที่สุด เกษตรกรไม่อยากเจอมะม่วงผลกะเทย แต่ผู้บริโภคจำนวนมากโดยเฉพาะตลาดพม่า กลับชอบมะม่วงชนิดนี้เนื่องจากมีผลขนาดเล็ก เนื้อกรอบ รสเปรี้ยวน้อยกว่ามะม่วงเบา 

มะม่วงน้ำดอกไม้ส่งออก








มะม่วงนํ้าดอกไม้ เป็นมะม่วงชนิดรับประทานสุก เจริญเติบโตเร็ว ใบใหญ่ ใบเป็นคลื่น ทรงพุ่มโปร่ง ดอกดกแต่ติดผล ปานกลาง ลักษณะผลเรียวยาว เนื้อมาก เมล็ดลีบเล็ก ผิวบาง เมื่อดิบจะมีรสเปรี้ยว ผิวสีเขียวนวล เนื้อแน่น ผลสุกจะ มีผิวเหลืองนวล กลิ่นหอม เนื้อละเอียดเสี้ยนน้อย มีรสหวาน มีเบต้าแคโรทีนสูง มะม่วงนํ้าดอกไม้ที่ได้รับความนิยมมี 2 ชนิด คือ มะม่วงนํ้าดอกไม้สีทอง และมะม่วงนํ้าดอกไม้เบอร์ 4

มะม่วงนํ้าดอกไม้เป็นพันธุ์ที่ออกดอกง่าย ผลิตนอกฤดูได้ ผลดีตอบสนองต่อการใช้สารกระตุ้นให้ออกดอก ที่สำคัญ คือ เป็น พันธุ์ที่นิยมบริโภคทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดต่าง ประเทศมีความต้องการมาก แต่การผลิตเพื่อส่งออกต่างประเทศ ต้องทำอย่างประณีตสีผิวต้องสมํ่าเสมอ บางประเทศต้องผ่านการ อบไอนํ้าร้อนเพื่อกำจัดแมลงวันผลไม้ก่อน จากการที่นํ้าดอกไม้เป็นมะม่วงพันธุ์ยอดนิยมในตลาดต่าง ประเทศ จึงมีผู้ปลูกกันมาก แต่จะประสบความสำ เร็จในการผลิต เพื่อส่งออกหรือไม่ขึ้นอยู่กับความเอาใจใส่ของเจ้าของสวน ซึ่งได้ มีโอกาสไปเยี่ยมสวนมะม่วงที่ผลิตมะม่วงนํ้าดอกไม้ส่งออกใน จังหวัดต่างๆมาหลายสวน แต่ละสวนล้วนต้องใช้การผลิตในระบบ เกษตรดีที่เหมาะสม หรือ GAP ทั้งสิ้น

มะม่วงของแท้ต้องแบบนี้ "มะม่วงน้ำดอกไม้สีม่วง"


 

มะม่วงของแท้ต้องแบบนี้ !! มะม่วงน้ำดอกไม้สีม่วง


มะม่วงน้ำดอกไม้สีม่วง !! เกิดจากการผสมระหว่างมะม่วงน้ำดอกไม้เบอร์ 4 ปากน้ำ กับมะม่วงหงจูของไต้หวัน จนเกิดเป็นมะม่วงที่มีลักษณะพิเศษ

             เพื่อน ๆ เคยสงสัยกันไหมว่าผลไม้ที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวันนี้ ทำไมมันจึงมีชื่อเรียกที่บางทีก็ไม่ค่อยเข้ากับลักษณะของมัน อย่างเช่น มะม่วง ทำไมถึงเป็นสีเขียว...แต่ว่าต่อไปนี้ ทุกคนไม่ต้องสงสัยกันอีกต่อไป เพราะตอนนี้เกษตรกรที่จังหวัดนนทบุรี สามารถเพาะพันธุ์มะม่วงที่มีสีม่วงจริง ๆ ได้แล้วล่ะ  

             โดยเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ ดร.พนม ปีย์เจริญ Official ได้โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความ ระบุว่า ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ได้เพาะพันธุ์มะม่วงน้ำดอกไม้ชนิดใหม่ที่มีลักษณะพิเศษคือ ลักษณะของผลจะเป็นสีม่วง โดยมะม่วงสีม่วงนี้เกิดจากการผสมเกสรของมะม่วงน้ำดอกไม้เบอร์ 4 ปากน้ำ กับมะม่วงหงจูของไต้หวัน และนำไปเพาะปลูกจนทดสอบมั่นใจแล้วว่า มะม่วงพันธุ์ใหม่นี้ คือมะม่วงที่มีสีม่วงจริง ๆ โดยตั้งชื่อพันธุ์ว่า มะม่วงน้ำดอกไม้สีม่วง นั่นเอง


มะม่วงของแท้ต้องแบบนี้ !! มะม่วงน้ำดอกไม้สีม่วง

   สำหรับข้อความในเฟซบุ๊ก ดร.พนม ปีย์เจริญ Official ทั้งหมด มีดังนี้
มะม่วงของแท้ต้องแบบนี้ !! มะม่วงน้ำดอกไม้สีม่วง


             "มะม่วงน้ำดอกไม้สีม่วง" กับที่มาสายพันธุ์

             มะม่วงชนิดนี้ เกิดจากการพัฒนาพันธุ์ของ ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ด้วยวิธีผสมเกสร ระหว่างมะม่วงน้ำดอกไม้เบอร์ 4 ปากน้ำ กับมะม่วงหงจูของไต้หวัน จากนั้นนำเอาเมล็ดที่ได้จากผลสุกหลายเมล็ด ไปเพาะเป็นต้นกล้าปลูกจนต้นโตมีดอกและติดผล ปรากฏว่าผลดกมาก รูปทรงผลเหมือนกับผลมะม่วงน้ำดอกไม้พันธุ์พ่อ ส่วนสีผลไม่เป็นสีเขียว แต่จะเป็นสีม่วงตั้งแต่ติดผลอ่อนขนาดเล็ก กระทั่งผลแก่และสุกคล้ายสีของมะม่วงหงจู ซึ่งเป็นพันธุ์แม่ และสีจะเข้มกว่าอย่างชัดเจน ทำให้ดูสวยงามมาก ทางศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรฯ ได้ปลูกทดสอบพันธุ์จนมั่นใจว่าเป็นมะม่วงพันธุ์ใหม่อย่างแน่นอนแล้ว จึงตั้งชื่อประจำพันธุ์ว่า “มะม่วงน้ำดอกไม้สีม่วง” พร้อมขยายพันธุ์ตอนกิ่งออกวางขาย กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายอยู่ในเวลานี้

             มะม่วงน้ำดอกไม้สีม่วง มีข้อโดดเด่นคือ ผลเมื่อโตเต็มที่มีน้ำหนักเฉลี่ยระหว่าง 0.8-1.2 กิโลกรัมต่อผล ผลดิบรสเปรี้ยวไม่มากนัก ปอกเปลือกฝานบาง ๆ จิ้มพริกเกลือป่น หรือจิ้มน้ำปลาหวานอร่อยดี ผลสุกหวานหอมเป็นเอกลักษณ์ เมล็ดบางเล็ก เนื้อเหนียวแน่นไม่เละ กินกับข้าวเหนียวมูนหรือข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยได้คุณค่าทางโภชนาการไม่แพ้มะม่วงกินสุกทั่วไปแม้แต่น้อย เป็นมะม่วงติดผลเรื่อย ๆ เกือบทั้งปี ขยายพันธุ์ทั่วไปด้วยเมล็ด ตอนกิ่ง ทาบกิ่ง และเสียบยอด ใคร ต้องการกิ่งตอนด้วยระบบเสียบยอด ติดต่อศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี โทร. 08–1806–5513

มะม่วงน้ำดอกไม้สามารถป้องกันมะเร็งได้


ในปัจจุบัน ต่างก็มีโรคภัยไข้เจ็บต่างๆมากมาย หลายๆคนก็ไม่อยากที่จะเป็นกัน เพราะการเป็นโรคภัยไข้เจ็บนั้นเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ร่างกายเราอ่อนแอลง อีกทั้งยังทำให้เป็นอุปสักในการทำงาน สำหรับคนที่กำลังทำงานอีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว การเลือกรับประทานอาหารหรือผลไม้ก็มีประโยชน์ต่อตัวเรา เพราะสิ่งที่เรารับประทานไปอาจจะมีประโยชน์ต่อตัวเรามากเลยก็ได้ ดังนั้นแล้ววันนี้เราจึงมีผลไม้ที่มีประโยชน์มาฝากกันค่ะ…
มะม่วงน้ำดอกไม้สามารถป้องกันมะเร็งได้2_หลินจือมิน
        มะม่วงน้ำดอกไม้มีคุณสมบัติต่างๆมากมายที่มีประโยชน์ต่อตัวเรา  ประโยชน์จากต้นมะม่วงน้ำดอกไม้และส่วนต่างๆอย่างเช่น  ผลที่สดแก่ มะม่วงน้ำดอกไม้ส่วนที่เป็นผลสดแก่ สามารถนำมารับประทานแก้คลื่นไส้ วิงเวียน กระหายน้ำได้   มะม่วงน้ำดอกไม้ผลสุก นอกจากจะได้ทานเนื้อมะม่วงแล้ว เมล็ดตากแห้งนำมาต้ม แล้วเอามาดื่ม สามารถแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เหมาะกับหลากหลายอายุ เพราะมีประโยชน์ต่อตัวเราทั้งนั้นเลย
มะม่วงน้ำดอกไม้สามารถป้องกันมะเร็งได้6_หลินจือมิน
        ใบมะม่วงน้ำดอกไม้  ใช้ 15-30 กรัม ต้มแล้วนำมาดื่ม ช่วยแก้การลำไส้อักเสบเรื้อรัง อาการท้องอืด นอกจากนั้นเรายังสามารถนำน้ำมาล้างแผลภายนอกได้อีกด้วย เปลือกของต้นมะม่วงน้ำดอกไม้ นำมาต้มอีกเช่นเคย แก้ไข้แก้ตัวร้อนได้อย่างดี อีกอย่างเปลืองมะม่วงดิบนำมาคั่วกับน้ำตาล แก้อาการปวดเมื่อย ปวดท้องประจำเดือนได้อีกด้วย
มะม่วงน้ำดอกไม้สามารถป้องกันมะเร็งได้4_หลินจือมิน
        นอกจากมะม่วงน้ำดอกไม้จะช่วยรักษา ไข้ ตัวร้อน แก้ท้องอืด แก้ปวดประจำเดือนแล้ว ยังสามารถช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะทำให้ก่อเกิดมะเร็งได้อีกด้วย เพราะในมะม่วงมี วิตามินซี วิตามินอี และแอโรทีน ซึ่งสามตัวนี้ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระให้ค่ะ ดังนั้นแล้วมะม่วงน้ำดอกไม้ถือเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์มากจริง ๆ ค่ะ